วาเลนไทน์

10 กุมภาพันธ์ 2554

เวชสำอางข้าวหอมมะลิ

เอกชนไทยต่อยอด "เวชสำอางข้าวหอมมะลิ" คุณภาพเทียบแบรนด์นำเข้า

นักวิจัย มช. ทำสำเร็จ "เวชสำอางข้าวหอมมะลิไทย" ต้านริ้วรอยแห่งวัย ประสิทธิภาพเทียบใกล้แบรนด์ดังระดับโลก แต่ต้นทุนถูกกว่าหลายเท่า หวังเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยสู่สินค้าไฮเอนด์ ด้านเอกชนที่รับต่อยอดเชิงพาณิชย์เผยเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเดือน พ.ย.นี้ มั่นใจแข่งขันได้ด้วยจุดเด่นของความเป็นข้าวหอมมะลิไทย
     


       ศ.ดร.อรัญญา มโนสร้อย และ ศ.ดร.จีรเดช มโนสร้อย อาจารย์และนักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ร่วมกันพัฒนาเครื่องสำอางต่อต้านริ้วรอยและชะลอวัยจากสารสกัดจากข้าวกล้องหอมมะลิสำเร็จ พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคเอกชนนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์แล้ว โดยได้มาการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 23 ก.ย.53 ณ อาคารเอสเอ็ม ทาวเวอร์
      
       "ข้าวมีคุณค่าทางอาหารสูงและมีสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่างๆมากมาย ขณะที่มูลค่าทางการตลาดของเครื่องสำอางในไทยเติบโตขึ้น 20% ทุกปี แต่วัตถุดิบส่วนใหญ่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมีและอาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากเราสามารถนำข้าวหอมมะลิไทยมาพัฒนาให้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางได้ จะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประสิทธิภาพสูงที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ข้าวหอมมะลิไทยด้วย" ศ.ดร.อรัญญา กล่าวต่อสื่อมวลชนและทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์
      
       อีกทั้งในฐานข้อมูลตำรับยาสมุนไพรไทย "มโนสร้อย 2" พบว่ามีตำรับยาสมุนไพรไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตล้านนาในอดีต มีข้าวเป็นองค์ประกอบในตำรับยาสมุนไพรที่มีข้อบ่งใช้เป็นยาอายุวัฒนะและบำรุงผิวพรรณ จึงได้นำเอาคุณค่าของข้าวและองค์ความรู้จากภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีระดับสูง
      
       นักวิจัยได้นำข้าวไทยสายพันธุ์ต่างๆ ประมาณ 6 สายพันธุ์ มาศึกษาหาปริมาณสารสำคัญ โดยนำเมล็ดข้าวมาหมักด้วยกระบวนการทางชีวภาพโดยใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะ จากนั้นแยกเอาเฉพาะน้ำหมักข้าวมาวิเคราะห์หาปริมาณสารสำคัญ พบว่าน้ำหมักจากข้าวกล้องหอมมะลิมีปริมาณสารสำคัญมากที่สุด อาทิ แกมมา-ออไรซานอล, กรดไฟติก, กรดเฟอรูลิค, โทโคเฟอรอล, โทโคไตรอีนอล และกรดไขมันไม่อิ่มตัวอีกหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดปฏิกิริยออกซิเดชั่นอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้อเยื่อเสื่อมสภาพ
      
       เมื่อได้สารสำคัญมาแล้วจึงนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางต้านริ้วรอยในรูปแบบเจล ซีรั่ม และเอสเซนซ์ โดยใช้นาโนเทคโนโลยีบรรจุสารสำคัญเข้าไว้ในถุงนีโอโซมขนาดเล็กกว่า 100 นาโนเมตร ซึ่งช่วยนำพาสารสำคัญผ่านเข้าสู่เซลล์ผิวหนังในชั้นเดอมิส และทำให้สารสำคัญเหล่านี้มีความคงตัวและคงประสิทธิภาพอยู่ได้นานในผลิตภัณฑ์เป็นเวลาถึง 2 ปีที่อุณหภูมิห้อง
      
       จากการทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการพบว่าผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากข้าวกล้องหอมมะลิมีฤทธิ์ยั้บยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดสี ยับยั้งเอนไซม์เอ็มเอ็มพี-2 (MMP-2) ที่เกี่ยวข้องกับการสลายคอลลาเจนอันเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวหนัง โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองเมื่อทดสอบบนผิวกระต่าย
      
       ผลจากการทดสอบประสิทธิภาพต้านริ้วรอยของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอาสาสมัครจำนวน 30 คน ที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี โดยทาผลิตภัณฑ์บนผิวปลายแขนทุกวัน วันละครั้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยมีการวัดความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้นของผิว และการเปลี่ยนแปลงของสีผิวด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ และสัปดาห์ที่ 9 พบว่าให้ผลใกล้เคียงกันในอาสาสมัครทุกคน โดยผลิตภัณฑ์เอสเซนซ์มีประสิทธิภาพการลดริ้วรอยสูงสุดประมาณ 70% เทียบกับก่อนใช้และผิวหนังบริเวณที่ไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์ ซึ่งใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางราคาแพงที่นำเข้าจากต่างประเทศ
      
       ทั้งนี้ นักวิจัยใช้เวลาศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากข้าวหอมมะลิไทยเป็นเวลา 18 เดือน โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งได้ขอจดสิทธิบัตรแล้ว โดยการนำสารสกัดจากข้าวหอมมะลิมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยสามารถเพิ่มมูลค่าให้ข้าวหอมมะลิได้มากถึง 300 เท่า และล่าสุดได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอม ไทย-จีน จำกัด
      
       นางบังอร เกียรติธนากร ผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอม ไทย-จีน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกปี แม้ในช่วงภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ ส่วนข้าวหอมมะลิของไทยก็มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จึงคิดว่าผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยจากข้าวหอมมะลิไทยน่าจะทำการตลาดได้ไม่ยากและสามารถแข่งขันกับเครื่องสำอางชั้นนำได้ โดยคาดว่าในเดือน พ.ย. นี้จะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ขณะเดียวกันก็จะจำหน่ายสารสกัดในรูปวัตถุดิบให้แก่บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางต่างๆด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น